นาฬิกา

เซี่ยมซีหลวงพ่อพระชีว์

สรุปตลาดหุ้น

ตารางฟุตบอล

สร้างรายได้เพียงง่ายๆ

Subscribe in a reader Google AdSense คือบริการจาก Google ที่ให้ผู้ที่มีเว็บไซต์ สามารถหารายได้โดยการนำ Code ที่ได้จากการสมัครเป็นสมาชิกของ Google มาใส่ไว้ที่เว็บไซต์ของตนเอง ซึ่ง Code นั้นจะเป็น โฆษณาที่ส่งมาจาก Google โดยโฆษณานั้น ๆ จะเป็นโฆษณาที่มีเนื้อหาสอดคล้องกับเนื้อหาของเว็บไซต์ของคุณ ตัวอย่างเช่นถ้าเว็บไซต์ของคุณเป็นเว็บไซต์ที่เกี่ยวกับการท่องเที่ยว โฆษณาที่ส่งมาจาก Google ก็อาจเป็นเว็บไซต์ที่เกี่ยวข้องกับ โรงแรม,สายการบิน เป็นต้น

ข้อความ

ข้อความ

วันพุธที่ 7 กันยายน พ.ศ. 2554

การเชื่อมต่อของ “กฎหมาย” และ ระบบ กลไกทางเศรษฐกิจ


2. การเชื่อมต่อของกฎหมายและ ระบบ กลไกทางเศรษฐกิจ
      ความสำเร็จและชัยชนะที่สำคัญของสำนักเศรษฐศาสตร์ Chicago School นั้นถือว่ายิ่งใหญ่มหาศาลมากเมื่อสำนักคิดนี้ได้ผลิตความคิด การเปิดเสรีทางการค้า (Trade liberalism)” ให้สามารถแผ่ซ่านเข้าสู่หัวสมองของผู้คนจำนวนมากในโลก ทั้งนี้รวมถึงนักกฎหมายจำนวนมาก    สำหรับประเทศไทยมีสาวกจำนวยไม่น้อยที่บูชาความคิดนี้อย่างไม่ลืมหูลืมตา ขนาดนำแนวคิดที่ว่านี้บรรจุเข้าไปใน รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2540 มาตราที่ 87 ในหมวดแนวนโยบายพื้นฐานแห่งรัฐ ซึ่งบัญญัติไว้ความว่า

รัฐต้องสนับสนุนระบบเศรษฐกิจแบบเสรีโดยอาศัยกลไกตลาด
                กำกับดูแลให้มีการแข่งขันอย่างเป็นธรรม คุ้มครองผู้บริโภคและ
                ป้องกันการผูกขาดตัดตอนทั้งทางตรงและทางอ้อม     รวมทั้งยก
                เลิกและละเว้นการตรากฎหมาย และ     กฎเกณฑ์ที่ควบคุมธุรกิจ
                ที่ไม่สอดคล้องกับความจำเป็นทางเศรษฐกิจ      และต้องไม่ประ
                 กอบกิจการแข่งขันกับเอกชน    เว้นแต่     มีความจำเป็นเพื่อประ
               โยชน์ในการรักษาความมั่นคงของรัฐ        รักษาผลประโยชน์ใน
                การรักษาความมั่นคงของรัฐ   รักษาผลประโยชน์ส่วนรวม หรือ
                การจัดให้มีการสาธารณูปโภค

      ภาพสะท้อนของแนวความคิดการค้าเสรี  ที่ถูกฝังเข้าไปในหัวสมองของนักกฎหมายและสะท้อนแนวคิดดังกล่าวให้เป็นกติกาสูงสุดของประเทศ  ในรูปของรัฐธรรมนูญ ฯ  จึงเป็นไปตามแนวทางและกับดักทางความคิดที่สำนัก Chicago School วางไว้ จากการแอบอิงเอาวิธีคิดนี้มาจาก อันโตนิโย แกรมซี่ นักสังคมนิยมชาวอิตาเลี่ยน ที่ว่า หากท่านสามารถเปลี่ยนหัวสมองของคนได้ แขนและขาก็จะปฏิบัติตาม”    จึงไม่น่าสงสัยที่ทำไมนักกฎหมายไทย ถึงได้นำเครื่องมือทางการค้าพาณิชย์ที่ผลิตจากสำนักคิดนี้ไปบรรจุไว้ใน รัฐธรรมนูญฯ ได้อย่างไม่รู้สึกตะขิดตะขวงใจ   ผู้เขียนไม่ได้มีโอกาสสำรวจว่าในประเทศอื่น ๆ เขานำมาเขียนรับรองไว้อย่างมั่นคงหนักแน่นอย่างประเทศไทยหรือไม่   จึงเป็นเรื่องที่ไม่ธรรมดา (Unusual) และเป็นการเชื่อมต่อที่สำคัญของระบบกลไกทางเศรษฐกิจ กับ กฎหมายได้อย่างชัดแจ้ง แม้ไม่มีเงื่อนไขข้อผูกพันในข้อตกลงเขตการค้าเสรีกับประเทศใด ๆ ก็ตาม
      ถึงกระนั้นก็ตามในระเบียบการค้าระหว่างประเทศในโลกปัจจุบัน การเชื่อมต่อของกฎหมายกับระบบกลไกทางเศรษฐกิจ ในรูปแบบความสัมพันธ์ใหม่ที่มีลักษณะข้ามรัฐ หรือภูมิภาค และ  มีความสลับซับซ้อนในเขตอำนาจทางกฎหมาย (Jurisdiction)  ได้เปลี่ยนแปลงไปในลักษณะที่ใกล้ชิดแนบแน่นกันมากขึ้น   ดังจะเห็นได้จากเดิมที่พลังการขับเคลื่อนทางเศรษฐกิจการค้าซึ่งเกิดจากระบบและกลไกการทำงานของตลาด หรือมือที่มองไม่เห็น (Invisible hands) ที่เป็นตัวกำหนดหรือกระทำการในทางเศรษฐกิจการค้าและการลงทุนในการผลิตสินค้าและบริการ ที่สร้างความพึงพอใจแก่ผู้บริโภค   อีกทั้งเกิดการจัดสรรปันส่วนกันในสังคมอย่างยุติธรรม   โดยอาศัยตลาดเป็นตัวขับเคลื่อนที่สำคัญ ดังเป็นรากเหง้าความเชื่อพื้นฐานที่สำคัญของเศรษฐกิจแบบตลาดเสรีของ Adam Smith    แต่มายุคหลังภายใต้อิทธิพลความคิดของ Chicago School ผนวกกับระบบวิธีคิดในการจัดระเบียบโลกใหม่ หรือที่รู้จักกันในนาม ฉันทานุมัติแห่งวอชิงตัน (Washington Consensus) ทำให้ระบบกลไกทางเศรษฐกิจของระเบียบเศรษฐกิจโลกใหม่ หาเกิดขึ้นได้จากตัว ระบบ (System) และ กลไกการทำงานของตลาด หรือมือที่มองไม่เห็นแต่อย่างใดไม่   หากแต่เกิดจากการเขียนขึ้นเป็นข้อตกลง (Agreement) และ มีองค์กรกำกับบริหารให้เป็นไปตามข้อตกลงนั้น ๆ  ควบคู่กับการมีมาตรการบีบบังคับลงโทษ ด้วยวิธีการตอบโต้ด้วยมาตรการทางภาษี หรือการต้องเผชิญกับความรับผิดชอบต่อความเสียหายทางเศรษฐกิจ  จากการถูกฟ้องร้องบังคับจากคำวินิจฉัยของอนุญาโตตุลาการ(Arbitration) อย่างกรณีดับเบิลยูทีโอ กลุ่มข้อตกลงความร่วมมือทางการค้าแนวทวิภาคีนิยม (Bilateralism) พหุภาคีนิยม(Multilateralism) หรือ ภูมิภาคนิยม (Regionalism) ที่เกิดขึ้นในที่ต่าง ๆ ทั่วโลก ความเปลี่ยนแปลงของระเบียบเศรษฐกิจโลกยุคใหม่  เมื่อระบบและกลไกทางเศรษฐกิจ  เกิดขึ้นจากการเขียนขึ้นเป็นข้อตกลงทางการค้าไม่ว่าจะเป็น  ข้อตกลงแบบทวิภาคีหรือ พหุภาคี  จึงยังผลให้การเชื่อมต่อของกฎหมายและระบบกลไกเศรษฐกิจ  เกี่ยวข้องใกล้ชิดกันมากขึ้น  ความสัมพันธ์ในรูปแบบใหม่ที่ว่านี้ ชี้ให้เห็นว่าความเกี่ยวข้องในสัมพันธภาพใหม่ มิใช่จะมองเพียงแค่การเขียนข้อตกลงเพื่อให้เกิดการเคลื่อนย้าย ทุน การผลิต หรือ การเกิดขึ้นของตลาดสินค้าและบริการ  เพราะเมื่อใดก็ตามที่กฎหมายเข้าไปเกี่ยวข้องกับกิจกรรม ระบบ หรือกลไกทางเศรษฐกิจมากขึ้นเท่าใด ตัวระบบ กลไกทางเศรษฐกิจ การค้าการลงทุน ย่อมใกล้ชิดกับตัว อำนาจในทางการเมืองมากขึ้น  โดยเฉพาะอย่างยิ่งในสังคมประชาธิปไตยแบบการมีส่วนร่วมของประชาชน โดยมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นพระประมุข  ที่เข้ามีส่วนเกี่ยวข้องกับการใช้อำนาจรัฐ และกระบวนการใช้อำนาจรัฐ  (Due process)  ซึ่งเชื่อมโยงกับเจตจำนงของประชาชนภายในรัฐที่มีความซับซ้อนมากขึ้นเช่นกัน ทั้งนี้รวมถึงกระบวนการใช้อำนาจที่ว่านั้นต่อสัมพันธภาพระหว่างประชาชนและองค์พระมหากษัตริย์ในฐานะผู้ทรงเป็นพระประมุข ตามบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2540 กอปรกับจารีตประเพณีในทางการเมืองการปกครอง  ที่ต้องนำมาพิจารณาประกอบกับการใช้อำนาจการตัดสินใจทางกฎหมาย ที่ไปเชื่อมต่อกับการนำประเทศเข้าผูกพันต่อการจัดระเบียบเศรษฐกิจโลกใหม่  โดยเฉพาะอย่างยิ่ง การนำไปใช้นั้นจำต้องพิจารณาควบคู่กันไปกับหลักการแนวคิดสำคัญในทางกฎหมาย (Legal concept)  ผสมผสานกับหลักการและแนวคิดทางเศรษฐกิจ  มาใช้ร่วมกัน   กล่าวโดยสรุปคือ จำต้องนำบริบททางสังคมมาผสมผสานกับบริบททางเศรษฐกิจ  ประเด็นคำถามอยู่ที่ว่า  อะไรคือจุดสมดุลของการประยุกต์ใช้หลักการที่ว่านั้น   เช่นเดียวกับ กระบวนการใช้อำนาจรัฐ (Due process)  ที่ต้องถักทอกับเจตจำนงของประชาชนภายในรัฐ ซึ่งต้องชอบด้วยรัฐธรรมนูญ  รวมทั้งหลักการสำคัญในเรื่องสิทธิเสรีภาพของประชาชนอีกด้วยเป็นเงาตามตัว
          การเชื่อมต่อของกฎหมาย และระบบกลไกทางเศรษฐกิจ  ในการเปลี่ยนแปลงระเบียบเศรษฐกิจการค้าระหว่างประเทศยุคใหม่   ซึ่งเกิดจากการเขียนเป็นข้อตกลงอย่างกรณีการทำข้อตกลงเขตการค้าเสรี หรือ เอฟทีเอ (Free Trade Agreement)   ซึ่งเกิดขึ้นจากการเจรจาของคู่เจรจา และนำไปสู่ข้อตกลงทางการค้า ที่สามารถเป็นกฎกติกาบังคับต่อกัน สามารถให้คุณให้โทษต่อกันและกันในทางเศรษฐกิจได้นั้น  จึงขึ้นอยู่กับกลุ่มผลประโยชน์ที่มีอำนาจและมีหน้าที่ ๆ จะเข้าไปเกี่ยวข้องกับการเจรจา  ซึ่งโดยมากจะอยู่ในลักษณะความสัมพันธ์แบบยื่นหมูยื่นแมว  แลกเปลี่ยนผลประโยชน์ซึ่งกันและกันภายในคู่เจรจาของแต่ละฝ่าย   ซึ่งถือเป็นกระบวนการใช้อำนาจรัฐที่มีความสำคัญมาก  เพราะผลจากการเจรจาที่นำไปสู่ข้อตกลง อาจจะนำไปสู่การจำกัดสิทธิ หรือเกิดข้อผูกพันทางกฎหมายแก่บุคคลภายในรัฐได้   ด้วยเหตุนี้ประเด็นสำคัญในทางกฎหมายที่นอกจากความผูกพันระหว่างประเทศ(International obligations) ที่จะเกิดขึ้นกับรัฐไทยอย่างไรแล้วกระบวนการใช้อำนาจ (Due process) ที่สะท้อนถึงเจตจำนงของประชาชนภายในรัฐ จึงถือเป็นอีกส่วนหนึ่งในมิติทางกฎหมายที่จะต้องนำมาพิจารณา ตรวจสอบ เพื่อจะนำไปตอบคำถามว่าการใช้อำนาจกระทำการของรัฐนั้น  ชอบด้วยกฎหมาย รัฐธรรมนูญ และ หลักการสำคัญเกี่ยวกับสิทธิเสรีภาพของพลเมืองภายในชาติหรือไม่  

ไม่มีความคิดเห็น: